Post-Impressionism
ศิลปะแบบโพสต์ – อิมเพรสชันมิสม์ จะมุ่งการแสดงออกทางความรู้สึก อารมณ์
จิตวิญญาณมากกว่ามุ่งนำเสนอความเป็นจริงทางวัตถุ สื่อผ่านการใช้สีที่รุนแรงและเกินความเป็นจริง
โดยเน้นความพอใจของศิลปินเป็นหลัก ไม่ยึดถือกฏเกณฑ์ และธรรมเนียมใด ๆ
ในอดีตเลย
สีที่ใช้นั้นจะสื่อถึงพลังที่ถูกบีบคั้นบังคับกดดันที่อยู่ในความรู้สึกนึก
คิดของจิตใจคน เป็นการปดปล่อยอารมณ์ผ่านสี
และฝีแปรงที่ให้ความรู้สึกที่รุนแรงกดดัน ฝีแปรงที่อิสระ
ที่มาของ Post-Impressionism
เป็นคำที่คิดขึ้นโดยศิลปินและนักวิจารณ์ศิลปะชาวอังกฤษโรเจอร์
ฟราย (Roger Fry) ในปี ค.ศ.
1910 เพื่อบรรยายศิลปะที่วิวัฒนาการขึ้นในฝรั่งเศสหลังสมัยเอดัวร์
มาแน จิตรกร อิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังยังคงสร้างงานศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์
แต่ไม่ยอมรับความจำกัดของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ จิตรกรสมัยหลังจะเลือกใช้สีจัด
เขียนสีหนา ฝีแปรงที่เด่นชัดและวาดภาพจากของจริง
และมักจะเน้นรูปทรงเชิงเรขาคณิตเพื่อจะบิดเบือนจากการแสดงออก
นอกจากนั้นการใช้สีก็จะเป็นสีที่ไม่เป็นธรรมชาติและจะขึ้นอยู่กับสีจิตรกรต้องการจะใช้
ต่อมาฟรายให้คำอธิบายในการใช้คำว่า
“อิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ว่าเป็นการใช้ “เพื่อความสะดวก
ที่จำเป็นต้องตั้งชื่อให้ศิลปินกลุ่มนี้โดยใช้ชื่อที่มีความหมายกว้างที่ไม่บ่งเฉพาะเจาะจงถึงแนวเขียน
ชื่อที่เลือกก็คือ “Post-Impressionism” เป็นการแสดงการแยกตัวของศิลปินกลุ่มนี้แต่ยังแสดงความสัมพันธ์บางอย่างกับขบวนการอิมเพรสชันนิสม์เดิม”
การจัดช่วงเวลา
เรวอลด์กล่าวว่าคำว่า
“ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” เป็นคำที่ตั้งขึ้นเพื่อความสะดวกและมิได้มีความหมายเฉพาะเจาะจงถึงลักษณะการเขียนแต่อย่างใด
และเป็นคำที่ใช้ที่จำกัดเฉพาะทัศนศิลป์ของฝรั่งเศสที่วิวัฒนาการมาจากศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ตั้งแต่
ค.ศ. 1886
วิธีเขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังของเรวอลด์เป็นการเขียนตามที่เกิดขึ้นมิใช่เป็นการวิจัยลักษณะของศิลปะ
เรวอลด์ทิ้งไวให้ศิลปะเป็นเครื่องตัดสินตัวเองในอนาคต[4] คำอื่นเช่นสมัยใหม่นิยม
(Modernism) หรือลัทธิสัญลักษณ์นิยมก็เป็นคำที่ยากที่จะใช้เพราะเป็นคำที่ไม่เฉพาะเจาะจงกับศิลปะแต่ครอบคลุมสาขาวิชาอื่นด้วยเช่นวรรณกรรมหรือสถาปัตยกรรมและเป็นคำที่ขยายออกไปใช้ในหลายประเทศ
ลัทธิสมัยใหม่นิยม
เป็นคำที่หมายถึงขบวนการทางศิลปะนานาชาติที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันตกที่เริ่มมาจากฝรั่งเศสและถอยหลังไปถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสจนถึงยุคภูมิปัญญา
ลัทธิสัญลักษณ์นิยม
เป็นขบวนการที่เริ่มร้อยปีต่อมาในฝรั่งเศสและเป็นนัยว่าเป็นแนวที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล
จิตรกรต่างก็ใช้สัญลักษณ์ในการเขียนไม่ว่าอย่างใดก็อย่างหนึ่งมากบ้างน้อยบ้าง
แอแลน
โบวเนส (Alan Bowness) ยืดเวลา “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ไปจนถึง ค.ศ. 1914 แต่จำกัดการเขียนในฝรั่งเศสลงไปอย่างมากในคริสต์ทศวรรษ 1890 ประเทศยุโรปอื่น ๆ ใช้มาตรฐานของ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง”
ส่วนศิลปะของยุโรปตะวันออกไม่รวมอยู่ในกลุ่มนี้
แม้ว่า
“ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” จะแยกจาก “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์” ใน ค.ศ. 1886 แต่จุดจบของ “ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง” ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน สำหรับโบวเนสและเรวอลด์แล้ว
ลัทธิคิวบิสม์เป็นการเริ่มยุคใหม่
ฉะนั้นลัทธิคิวบิสม์จึงถือว่าเป็นการเริ่มยุคการเขียนใหม่ในฝรั่งเศสตั้งแต่ต้นและต่อมาในประเทศอื่น
ขณะเดียวกันศิลปินยุโรปตะวันออกไม่คำนึงถึงการแบ่งแยกตระกูลการเขียนที่ใช้ในศิลปะตะวันตกก็ยังเขียนตามแบบที่เรียกว่าจิตรกรรมแอ็บสแตร็ค
และอนุตรนิยม (Suprematism)—ซึ่งเป็นคำที่ใช้ต่อมาจนในคริสต์ศตวรรษที่
20
ศิลปินในกลุ่มนี้ได้แก่
แวนโกะ (Vincent Van
Gogh)
Pierre Bonnard
Paul Cezanne
Paul Gauguin
ภาพวาดในสมัย Post-Impressionism
The Starry Night Van
Goh 1889
Paul Cezanne. The Cardplayers.
1885-1890
Paul
Gauguin.
Where
do we come from ? What are we? Where are we going? 1897
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น